ฟุตบอลสเปน ได้บันทึกอีกหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ สมัยที่ 32 หลังเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ในเกม เอล กลาซิโก้ สุดมันส์ที่สนามเอสตาดิโอ เด ลา การ์ตูฆา เมืองเซบียา
เกมเริ่มต้นอย่างเข้มข้น และในนาทีที่ 28 เปดรี มิดฟิลด์พรสวรรค์ของบาร์เซโลน่า ซัดไกลนอกกรอบสุดสวย บอลพุ่งเสียบมุมอย่างหมดจด ส่งทีมขึ้นนำ 1-0 ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้อง
ครึ่งหลัง เรอัล มาดริด เปลี่ยนเกมด้วยการส่ง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลงสนาม และได้ผลทันตาเมื่อซัดฟรีคิกตีเสมอในนาทีที่ 70 ต่อเนื่องด้วยลูกโหม่งจาก โอเรเลียง ชูอาเมนี่ แซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 77 สร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาล
บาร์เซโลน่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นาทีที่ 84 เฟร์ราน ตอร์เรส กดประตูตีเสมออย่างเด็ดขาด ส่งเกมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ
ก่อนที่นาทีที่ 116 ฌูลส์ กุนเด้ กองหลังตัวเก่ง จะซัดไกลระยะ 25 หลา บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม เป็นประตูชัยให้บาร์เซโลน่าเถลิงแชมป์อย่างสมศักดิ์ศรี
เรอัล มาดริดต้องพบกับปัญหาใหญ่ในช่วงท้ายเกม เมื่อผู้เล่นถึง 3 คน ได้แก่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ลูคัส บาสเกซ และ จู๊ด เบลลิงแฮม โดนใบแดง ไล่ออกจากสนาม ทำให้ทีมเสียสมดุลและไม่มีแรงกดดันบาร์ซ่าในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ต้องยกเครดิตให้กับกุนซือบาร์ซ่า ที่วางแท็กติกได้อย่างชาญฉลาด ทั้งการบริหารเวลา, การเปลี่ยนตัว และการตั้งรับในช่วงท้ายเกม จนสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลสเปนรายการใหญ่นี้ได้สำเร็จ
ชัยชนะในศึก โกปา เดล เรย์ 2025 ทำให้บาร์เซโลน่าเข้าใกล้การคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ได้แก่:
ลา ลีกา สเปน
ซูเปอร์คัพ สเปน
โกปา เดล เรย์
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
หากทำสำเร็จ พวกเขาจะจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลยุโรปทันที
ศึก เอล กลาซิโก้ นัดชิง โกปา เดล เรย์ ปีนี้ ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า เกมลูกหนังไม่มีคำว่าง่าย แม้แต่สำหรับทีมที่มีซูเปอร์สตาร์เต็มทีมอย่างเรอัล มาดริด สุดท้ายแล้วความนิ่ง, วินัย และการคว้าโอกาสในเวลาสำคัญ คือสิ่งที่ทำให้ บาร์เซโลน่า กลายเป็นผู้ชนะตัวจริงในค่ำคืนนี้
แฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างจดจำค่ำคืนนี้ในฐานะอีกหนึ่งแมตช์ตำนานของ ฟุตบอลสเปน อย่างแท้จริง